ข้อบังคับสมาคมชาวปักษ์ใต้ขอนแก่น
ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม โดยมติที่ประชุมใหญ่สามัญ เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2560

หมวดที่ 1

ชื่อ เครื่องหมาย และที่ตั้งสำนักงาน


  1. สมาคมนี้มีชื่อว่า "สมาคมชาวปักษ์ใต้ขอนแก่น"
  2. สมาคมนี้มีเครื่องหมายเป็นรูปพระ บรมธาตุที่เปล่งรัศมีเป็น 14 แฉก มีเกาะและทะเลอยู่ภายในกรอบวงกลม ซึ่งมีลูกโซ่เกี่ยวโยงกันโดยรอบ และในวงกลมรอบนอกตอนบนมีอักษรว่า "สมาคมชาวปักษ์ใต้" ส่วนตอนล่างมีอักษรว่า "ขอนแก่น"




  3. สำนักงานของสมาคมตั้งอยู่ที่ บ้านเลขที่ 100 ถนนประชาสโมสร ซอย 15 ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น 40000


  4. หมวดที่ 2

    วัตถุประสงค์


  5. สมาคมมีวัตถุประสงค์ดังนี้
    (1) ส่งเสริมและประสานความสามัคคีในหมู่คณะชาวปักษ์ใต้ในจังหวัดขอนแก่น และบุคคลอื่นทั่วไป
    (2) ส่งเสริมและเผยแพร่ขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมของชาวปักษ์ใต้
    (3) ประสานกับส่วนราชการ หน่วยงานเอกชน มูลนิธิหรือสมาคมอื่น ในการบำเพ็ญสาธารณกุศลต่างๆ


  6. หมวดที่ 3

    สมาชิก


  7. สมาชิกของสมาคมมี 2 ประเภท คือ

    ก. สมาชิกสามัญ ได้แก่บุคคลที่

    (1) เป็นชาวปักษ์ใต้โดยกำเนิด หรือมีบิดา มารดา หรือคู่สมรสเป็นชาวปักษ์ใต้ หรือผู้ที่เคยมีภูมิลำเนาอยู่ในดินแดนปักษ์ใต้ติดต่อกันไม่น้อยกว่า 3 ปี และ
    (2) เป็นผู้บรรลุนิติภาวะและมีความประพฤติดี
    (3) เป็นผู้ที่ไม่มีโรคติดต่ออันเป็นที่รังเกียจต่อสังคม
    (4) เป็นผู้ที่ไม่เคยออกจากสมาชิกของสมาคมหรือสโมสรอื่นๆ ในกรณีทำความเสียหายแก่สมาคมหรือสโมสรนั้นๆ
    (5) ไม่เป็นบุคคลที่มีหนี้สินล้นพ้นตัว

    ข. สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่บุคคลที่ได้รับเชิญโดยมติของคณะกรรมการบริหารสมาคม

  8. การเป็นสมาชิกสามัญ ให้ผู้ประสงค์จะสมัครเป็นสมาชิกสามัญตามแบบของสมาคมต่อเลขาธิการ โดยมีสมาชิกสามัญรับรองหนึ่งคน เมื่อเลขาธิการพิจารณาเห็นว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนแล้วก็ให้รับเป็นสมาชิก และรับชำระเงินค่าบำรุงสมาคม แล้วให้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารในการประชุมคราวต่อไป เมื่อได้รับการอนุมัติแล้วให้แจ้งสมาชิกภาพแก่ผู้สมัครทราบ และให้เริ่มนับสมาชิกภาพตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติ
  9. สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่เลขาธิการได้รับหนังสือตอบรับจากผู้ที่ได้รับเชิญ
  10. ค่าบำรุงสมาคม
    (1) สมาชิกสามัญตลอดชีพ จ่ายครั้งเดียวคนละ 500 บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน)
    (2) สมาชิกกิตติมศักดิ์ ไม่ต้องเสียค่าบำรุงแต่อย่างใดทั้งสิ้น


  11. หมวดที่ 4

    สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก


  12. มีสิทธิในการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารภายใต้ข้อบังคับว่าด้วยการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารและ เสนอแนะเกี่ยวกับกิจการของสมาคม
  13. มีสิทธิในการสอบถามหรือขอตรวจสอบความเป็น อยู่แห่งกิจการและทรัพย์สินของสมาคม ตลอดจนขอดูเอกสาร และหลักฐานการบัญชี ณ ที่ทำการของสมาคมในเวลาอันสมควร โดยยื่นเป็นหนังสือต่อนายกสมาคม
  14. มีสิทธิในการใช้สถานที่ของสมาคม โดยยื่นหนังสือและได้รับอนุญาตจากนายกสมาคม หรือผู้ทำการแทน
  15. มีสิทธิในการประดับเครื่องหมายของสมาคม
  16. มีหน้าที่ช่วยกันรับผิดชอบและป้องกันไม่ให้ความเสียหายเกิดขึ้นต่อสมาคม
  17. เมื่อย้ายถิ่นที่อยู่ ต้องแจ้งให้นายทะเบียนทราบเป็นหนังสือ


  18. หมวดที่ 5

    การพ้นจากสมาชิกภาพ


  19. สมาชิกพ้นจากสมาชิกเมื่อ
    (1) ตาย
    (2) ลาออก โดยยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการบริหารสมาคม
    (3) คณะกรรมการบริหารสมาคมมีมติให้ออก
    (4) สมาคมสิ้นสภาพลง


  20. หมวดที่ 6

    คณะกรรมการบริหารสมาคมและหน้าที่รับผิดชอบ


  21. คณะกรรมการบริหารสมาคมประกอบด้วย นายกสมาคม, อุปนายก, เลขาธิการ, เหรัญญิก, นายทะเบียน, ประชาสัมพันธ์ และกรรมการอื่นๆ มีจำนวนไม่น้อยกว่า 15 คน แต่ไม่เกิน 30 คน

    ตำแหน่งนายกสมาคมให้มีการสรรหาจากสมาชิกที่เคยดำรงตำแหน่งกรรมการบริหารของสมาคมมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ตามระเบียบการสรรหานายกของสมาคม และต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ ให้นายกสมาคมดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระติดต่อกัน

    กรรมการบริหารตำแหน่งอื่นๆ ให้นายกสมาคมคนใหม่เลือกสรรจากสมาชิกสามัญ และนำเสนอนายกสมาคมคนปัจจุบันแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ทั้งชุดให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน และนำไปจดทะเบียนต่อทางราชการ

  22. คณะกรรมการบริหารสมาคมมีอำนาจบริหารกิจการของสมาคมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และมีอำนาจออกระเบียบหรือประกาศอื่นใดที่ไม่ขัดหรือแย้งกับวัตถุประสงค์ของสมาคม หรือข้อบังคับนี้ เพื่อประโยชน์ในการบริหารสมาคมให้เป็นไปโดยสะดวก รวดเร็ว และเรียบร้อย
  23. คณะกรรมการบริหารสมาคม ดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี
  24. เมื่อกรรมการบริหารสมาคม ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระ
    (1) ตำแหน่งนายกสมาคมว่างลง ให้อุปนายกคนที่ 1 ขึ้นดำรงตำแหน่งต่อไป โดยมีอายุเท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทน
    (2) ตำแหน่งอื่นๆ ว่างลง ให้เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารเป็นผู้พิจารณาแต่งตั้งจากสมาชิกสามัญ โดยมีอายุเท่าวาระของผู้ที่ตนแทน
  25. หน้าที่ของคณะกรรมการบริหารสมาคม
    (1) นายกสมาคม มีหน้าที่ควบคุมกิจการของสมาคมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ ภายใต้ระเบียบข้อบังคับ และเป็นผู้แทนของสมาคมในกิจการที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก
    (2) อุปนายก มีหน้าที่ทำการแทนนายกสมาคมเมื่อนายกสมาคมไม่อยู่ หรือไม่สามารถทำการได้รวมทั้งงานอื่นๆ ที่นายกสมาคมมอบหมาย
    (3) เลขาธิการ มีหน้าที่ในการดำเนินงานหรือกิจอื่นๆ ของสมาคมที่มิได้อยู่ในอำนาจหรือหน้าที่ของคณะกรรมการอื่นโดยเฉพาะ ตลอดทั้งนัดการประชุมกรรมการบริหาร การประชุมใหญ่ บันทึกและรวบรวมรายงานการประชุม
    (4) เหรัญญิก มีหน้าที่รับ-จ่าย รักษาเงิน ทำบัญชี และเก็บรักษาเอกสารเกี่ยวกับการเงิน
    (5) นายทะเบียน มีหน้าที่จัดทำและเก็บรักษาทะเบียนสมาชิกและเอกสารต่างๆ เกี่ยวกับการเข้าเป็นสมาชิก ตลอดถึงจัดให้มีการลงทะเบียนเมื่อมีการประชุมทุกครั้ง
    (6) ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่ติดต่อแจ้งข่าวสาร แถลงเกี่ยวกับกิจกรรมของสมาคมต่อสมาชิกและบุคคลอื่นๆ โดยทั่วๆ ไป
    (7) กรรมการบริหารนอกเหนือจากนายกสมาคม ให้มีหน้าที่อื่นๆ ตามที่นายกสมาคมมอบหมายด้วย
  26. กรรมการบริหารสมาคมพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
    (1) ตาย
    (2) ลาออก
    (3) คณะกรรมการบริหารจำนวนไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 มีมติให้ออก
    (4) ขาดคุณสมบัติตาม ข้อ 5 ก.
    (5) ถึงคราวออกตามวาระ
    (6) สมาคมสิ้นสภาพลง
  27. การประชุมของคณะกรรมการบริหาร จะต้องมีกรรมการบริหารเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของคณะกรรมการ บริหารทั้งหมด จึงจะถือเป็นองค์ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการบริหารให้ถือคะแนนเสียงข้างมาก ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ ประธานที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
  28. คณะกรรมการบริหารอาจแต่งตั้งบุคคลใดเป็นกรรมการที่ปรึกษา เพื่อให้คำแนะนำต่างๆ เกี่ยวกับการบริหารกิจการของสมาคมแต่ไม่มีสิทธิในการออกเสียงลงมติใดๆ กรรมการที่ปรึกษามีวาระเท่าวาระของคณะกรรมการบริหารที่เป็นผู้แต่งตั้ง
  29. ก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่งของคณะกรรมการบริหารไม่น้อยกว่า 90 วัน ให้คณะกรรมการบริหารพิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหานายกสมาคมคนใหม่ และดำเนินการให้ได้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ตามข้อ 16 แต่หากครบวาระแล้วยังไม่สามารถแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ได้ทันให้คณะกรรมการบริหารชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ได้รับการจดทะเบียนจากทางราชการ

    เมื่อคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ได้รับการจดทะเบียนจากทางราชการแล้ว ให้คณะกรรมการบริหารชุดที่ครบวาระส่งมอบงานให้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ภายใน 15 วัน หากการส่งมอบงานไม่เสร็จสิ้นภายในกำหนดดังกล่าว ให้คณะกรรมการบริหารชุดเก่าหมดอำนาจหน้าที่ และให้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่รับผิดชอบบริหารงานได้ทันที



  30. หมวดที่ 7

    การประชุมใหญ่


  31. ให้มีการประชุมใหญ่สามัญทุกปี ในเดือนมกราคม เพื่อพิจารณาระเบียบวาระต่างๆ ดังนี้
    (1) เพื่อพิจารณารายงานกิจการของคณะกรรมการบริหารสมาคม ตามที่คณะกรรมการบริหารได้บริหารในปีที่ผ่านมา
    (2) เพื่อพิจารณารายรับ-รายจ่าย และบัญชีงบดุลของสมาคมในปีที่ผ่านมา
    (3) เพื่อเลือกตั้งผู้ตรวจสอบบัญชี
    (4) เพื่อให้ความเห็นชอบนายกสมาคมคนใหม่ (กรณีที่มีการสรรหาใหม่)
    (5) เพื่อปรึกษาและพิจารณาเรื่องอื่นๆ
  32. นอกจากการประชุมใหญ่สามัญแล้ว คณะกรรมการบริหารอาจเรียกประชุมใหญ่วิสามัญได้ หรือสมาชิกของสมาคมไม่น้อยกว่า 30 คน จะลงชื่อร้องขอให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญก็ได้ และเมื่อนายกสมาคมได้รับคำขอให้เรียกประชุมจากสมาชิกแล้ว ต้องนัดประชุมภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบเรื่อง
  33. ในการประชุมใหญ่ทุกครั้ง จะต้องแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน
  34. การประชุมใหญ่จะต้องมีสมาชิกมาประชุมไม่น้อยกว่า 30 คน จึงจะเป็นองค์ประชุม
  35. การเสนอญัตติใดๆ เว้นแต่ที่เสนอโดยคณะกรรมการบริหาร จะต้องมีสมาชิกรับรองไม่น้อยกว่า 10 คน
  36. สมาชิกสามัญมีสิทธิลงคะแนนเสียงได้คนละ 1 เสียง การออกเสียงลงคะแนนนั้นเป็นสิทธิเฉพาะตัวจะแต่งตั้งแทนไม่ได้
  37. การออกเสียงลงคะแนน จะใช้วิธีลับหรือเปิดเผยก็ได้ ตามแต่ที่ประชุมกำหนด
  38. มติของที่ประชุมใหญ่ให้ถือเสียงข้างมาก หากคะแนนเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมเป็นผู้ชี้ขาด


  39. หมวดที่ 8

    การเงินและการบัญชี


  40. การเงินของสมาคม อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการบริหาร
  41. ในการสั่งจ่ายเงินธนาคารนั้น ให้นายกสมาคมหรืออุปนายกลงลายมือชื่อร่วมกับเหรัญญิก โดยประทับตราเครื่องหมายของสมาคมในเอกสารเบิกจ่ายเป็นสำคัญ
  42. เหรัญญิกต้องจัดให้มีบัญชีการของ สมาคม พร้อมด้วยใบสำคัญและหลักฐาน ให้ถูกต้องตามหลักการบัญชี ในการรับเงินทุกประเภทต้องมีหลักฐานรับเงิน และในการจ่ายเงินทุกครั้งต้องมีใบสำคัญอันมีรายการจำนวนเงินถูกต้อง ซึ่งจะได้รับอนุมัติจากนายกสมาคมหรือผู้รับมอบหมายให้ทำการแทน หลักฐานการรับและจ่าย ต้องเก็บรักษาไว้เพื่อการตรวจสอบ โดยความเรียบร้อยครบถ้วน เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปี
  43. ให้นายกสมาคมมีอำนาจจ่ายเงินเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ของสมาคมได้ไม่เกินครั้งละ 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่านั้นต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหารสมาคมเสียก่อน
  44. เงินของสมาคมเมื่อเกินกว่า 10,000 บาท ให้นำฝากในธนาคารพาณิชย์สาขาขอนแก่นในนามของสมาคม
  45. ให้ที่ประชุมใหญ่แต่งตั้งสมาชิกสามัญ หรือบุคคลภายนอกซึ่งไม่ใช่เป็นกรรมการบริหารของสมาคม และต้องเป็นบุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีจากทางราชการ เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีของสมาคม
  46. ถ้าผู้ตรวจสอบบัญชี ซึ่งที่ประชุมใหญ่แต่งตั้งไว้ พ้นจากตำแหน่งด้วยเหตุใดๆ ก่อนทำการตรวจสอบบัญชีเสร็จ คณะกรรมการบริหารมีอำนาจให้บุคคลใดๆ ที่ไม่ใช่กรรมการบริหารของสมาคมทำการตรวจสอบบัญชีแทน
  47. ผู้ตรวจสอบบัญชี มีอำนาจตรวจสอบสรรพเอกสาร ทั้งของที่เกี่ยวกับบัญชีและการเงินของสมาคม และมีอำนาจสอบถามกรรมการตลอดถึงพนักงานของสมาคมในเรื่องดังกล่าว


  48. หมวดที่ 9

    สวัสดิการของสมาชิก


  49. สวัสดิการของสมาชิก ให้เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการบริหารกำหนด


  50. หมวดที่ 10

    การแก้ไขข้อบังคับของสมาคม


  51. การแก้ไขเพิ่มเติมข้อบังคับในส่วน ที่มิใช่สาระสำคัญ และไม่เกี่ยวกับหลักการ ต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการบริหาร โดยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์เสียก่อน

    หาก เป็นการแก้ไขเพิ่มในสาระสำคัญ หรือเกี่ยวกับหลักการของข้อบังคับนี้ ต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่ โดยคะแนนเสียง 2 ใน 3 ของผู้มาประชุม



  52. หมวดที่ 11

    การยกเลิกสมาคม


  53. การลงมติเลิกสมาคม จะกระทำได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และต้องมีคะแนนเสียงจากสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 2 ใน 3
  54. ในกรณีเลิกสมาคม ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆ ก็ตาม ทรัพย์สินของสมาคมที่เหลืออยู่หลังจากที่ได้มีการชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อย แล้ว ให้โอนให้แก่สมาชิกชาวปักษ์ใต้ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ซึ่งตั้งอยู่ ณ อาคาร เลขที่ 9/9 ถนนวงแหวน แขวงบางระมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร 10170


  55. หมวดที่ 12

    บทเฉพาะกาล


  56. นับแต่วันที่ข้อบังคับฉบับแก้ไขใหม่นี้ได้รับการจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลงจากทางราชการแล้วให้ยกเลิกข้อบังคับของสมาคมที่ประกาศใช้บังคับอยู่ก่อนหน้านี้ทุกฉบับ และให้ใช้ข้อบังคับนี้แทน
  57. ให้คณะกรรมการบริหารชุดที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ได้รับการจดทะเบียนข้อบังคับใหม่ เป็นคณะกรรมการบริหารตามข้อบังคับนี้ต่อไป จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ที่นายกสมาคมได้รับการสรรหาตามข้อบังคับนี้